Dying Light: The Beast คือเกมแนว survival-horror แบบ open world ที่พัฒนาโดย Techland และวางจำหน่ายวันที่ 18 กันยายน 2025 บน PC, PS5, Xbox Series X/S ก่อนจะตามมาบน PS4 / Xbox One ช่วงปลายปี โดยเกมนี้เริ่มต้นเป็น DLC ของ Dying Light 2 แต่พัฒนาขึ้นมาเป็นเกมเต็มแบบ standalone เพราะขนาดและ scope ที่เพิ่มขึ้นมากมายแล้วครับ


จุดเด่น & สิ่งที่ควรปรับปรุง
จุดเด่น (Pros):
- ระบบ parkour + movement ปรับปรุงให้ลื่นไหลขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขา /ป่า (Castor Woods) ที่บรรยากาศแตกต่างจากเมืองใหญ่ของภาคก่อน ๆ ทำให้รู้สึกสดใหม่และน่าค้นหา
- กลางคืนในเกมมืดและโหดกว่าที่เคย — เกมสร้าง tension ได้ดีมากในช่วงกลางคืนที่ซอมบี้พร้อมโจมตี และเสียง /สภาพแวดล้อมช่วยเสริมความหลอนได้ดี
- Beast Mode — ฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ Kyle Crane มีพลังพิเศษหลังได้รับความเสียหายได้ชั่วขณะ เป็นการเพิ่มมิติในการต่อสู้ ทำให้ไม่ใช่แค่สวนซอมบี้ธรรมดา แต่ใส่ element superhuman เข้าไปให้ตึงมือมากขึ้น
- Side content /กิจกรรมนอกเรื่องหลักเยอะ — ถ้าคุณอยากสำรวจ ตัวเกมมีของให้ดู เช่นเควสข้าง, Collectibles, จุดซ่อนเร้นต่าง ๆ มากมาย ใช้เวลาโดยรวมถ้าสำรวจหมดอาจถึง ~ 50-60 ชั่วโมงเลยครับ
- รองรับเครื่อง Steam Deck ตั้งแต่เปิดตัวเลย — ถ้าคุณเล่น handheld นี่น่าจะเป็นจุดที่ดีมาก เพราะเรื่องการพกพา /เล่นระหว่างเดินทางจะได้ประสบการณ์ที่ดี
สิ่งที่ควรปรับปรุง (Cons) (หรืออาจไม่ถูกใจผู้เล่นบางกลุ่ม)
- เนื้อเรื่องและตัวละครมีความคาดหวังต่ำในบางจุด — ใช้ tropes ซอมบี้ /ศัตรูคลาสสิกเยอะ อาจไม่แปลกใหม่สำหรับคนที่เล่นภาคก่อนหรือแฟนซาก้า
- บางทีเตรียม tutorial /การอธิบายระบบใหม่ให้ผู้เล่นใหม่อาจไม่เต็มที่ — คนที่ไม่เคยเล่น Dying Light มาก่อนอาจรู้สึกว่ายากต้องเรียนรู้เยอะ
- ยานพาหนะ /อุปกรณ์บางอย่างดูเหมือนจะมีความ “เสี่ยง/ทนไม่ค่อยดี” ต้องใช้ประสิทธิภาพและ resource ของเครื่องสูงถ้าเล่นบนวีดิโอการ์ด /ฮาร์ดแวร์ที่ไม่แรงเท่าไหร่
- ความแตกต่างของ scale ระหว่างเมืองใหญ่ภาคก่อนกับป่า-ชนบทในภาคนี้อาจทำให้คนชอบเมือง /มุมมอง urban parkour รู้สึกขาดอะไรบางอย่าง
สรุป & คะแนนรีวิว — Dying Light: The Beast
เกม Dying Light: The Beast เป็นภาคสปินออฟที่ทำให้แฟน ๆ ได้กลับมาเจอ Kyle Crane ในโลกซอมบี้อีกครั้ง คราวนี้มีป่า Castor Woods ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศกดดันและกลางคืนที่โหดกว่าเดิม พร้อมฟีเจอร์ Beast Mode ที่เพิ่มมิติใหม่ให้การต่อสู้และทำให้เกมรู้สึกสดใหม่ เหมาะทั้งสำหรับแฟนเกมภาคก่อนและคนที่ชอบแนวเอาชีวิตรอดแบบเน้นการเคลื่อนไหวที่อิสระ เกมยาวพอสมควร (~50 ชม. ถ้าทำ side content ครบ)
คะแนนรีวิว: ⭐ 8.2 / 10
จุดเด่น (Pros):
- ระบบ parkour ปรับปรุง ลื่นไหลกว่าเดิม
- กลางคืนกดดัน และซอมบี้ดุขึ้น
- Beast Mode ทำให้คอมแบตมันส์ขึ้น
- Side content เยอะ ใช้เวลาเล่นคุ้ม
สิ่งที่ควรปรับปรุง (Cons):
- เนื้อเรื่องยังใช้สูตรสำเร็จแนวซอมบี้อยู่บ้าง
- คนเล่นใหม่อาจรู้สึกเรียนรู้ระบบยาก
- ป่า-ชนบทอาจไม่ถูกใจคนที่ชอบฉากเมือง
Leave a Reply